ระบบเบรคในรถยนต์ ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเลยก็ว่าได้ เพราะถ้ารถของคุณมีระบบเบรกที่พร้อมใช้งาน ระบบเบรคที่ดี ก็ช่วยให้คุณขับรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น (แต่ก็ต้องมาพร้อมกับยางรถยนต์สภาพดี ที่ได้คุณภาพด้วยเช่นกัน)
แต่เชื่อไหมครับว่า เวลาที่หลายต่อหลายคน นำรถไปเข้าอู่ หรือศูนย์บริการ เพื่อทำระบบเบรค ไม่ว่าจะไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคเปลี่ยนผ้าเบรค เจียรจานเบรค หรือเปลี่ยนจานเบรคใหม่ก็ตาม หลายคนอาจจะละเลย “ท่ออ่อนเบรค” (Brake Lines) ไป หลายครั้งที่มีข่าวรถยนต์เบรคแตก เกิดอาการเหยียบเบรคไม่อยู่ เบรคจม จนเกิดอุบัติเหตุสร้างความเสียหาย หลายต่อหลายครั้ง มาจาก “ท่ออ่อนเบรค” ที่หมดสภาพ
ท่ออ่อนเบรค คือ ส่วนที่สามารถขยับตัวได้ระหว่างตัวถังกับล้อ ทำให้การส่งน้ำมันเบรกไปยังดุมล้อนั้น ต้องขยับตัวและรับแรงบิดตามการเลี้ยวของล้อ
ท่ออ่อนเบรคนั้นจึงสำคัญมาก โดยวัสดุที่มักจะเอามาทำท่ออ่อนเบรคนั้น จะทำมาจากยางแล้วถักด้วยเส้นด้าย เมื่อหักล้อ เลี้ยว หักพวงมาลัยไปนานๆ ท่ออ่อนเบรคอาจมีอาการบวม พอง แตก หรือแตกตามข้อต่อ ทำให้น้ำมันเบรครั่วออกมาได้ หรือมีอาการตันในท่ออ่อนเบรค
อาการต่างๆ ที่เกิดจากท่ออ่อนเบรคตัน หรือบวม มีอะไรบ้าง?
1. เบรคติดใขณะที่เหยียบเบรค น้ำมันถูกส่งออกมาจากแม่ปั้มเบรค ไปยังลูกสูบเบรคดันให้ฝักเบรคอ้าออก แต่ในเวลาที่ปล่อยเบรค น้ำมันเบรคไม่สามารถไหลกลับได้เพราะท่ออ่อนตีบตัน หรือไหลกลับแต่ช้ามาก ทำให้การคืนตัวของฝักเบรคช้า ทำให้เบรคติด
2. เบรคไม่อยู่ อาจจะเป็นที่ล้อใดล้อหนึ่ง เพราะน้ำมันเบรคไม่สามารถไหลผ่านท่ออ่อนไปยังลูกสูบเบรคได้
อายุของท่ออ่อนเบรค ส่วนใหญ่ใช้งานได้ประมาณ 4-5 ปี หรือประมาณ 50,000 กิโลเมตร หรือถ้าหากจับตัวดูแล้วรู้สึกยางเริ่มแข็ง ก็ควรเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว ซึ่งสายอ่อนเบรคที่ดีนั้น ต้องทนต่อแรงดันน้ำมันเบรค ความชื้น ความร้อน สารเคมี และน้ำมันเชื้อเพลิง และข้อต่อปลายต้องกันสนิมได้
3. เบรคแตก (อาการยอดฮิต ของรถบรรทุกเก่าๆ ในอดีต เป็นกันบ่อย) คือถ้าคุณใช้รถไปนานๆ ไม่เคยก้มลงไปตรวจสภาพสายอ่อนเบรคของทั้ง 4 ล้อดูเลย เมื่อเกิดอาการเสื่อมสภาพ จะทนแรงดันไม่ไหว ขณะเหยียบเบรคอย่างกะทันหัน แรงดันน้ำมันเบรกจะมาสูงมาก ทำให้ท่ออ่อนเบรคทนต่อแรงดันไม่ไหว ก็อาจจะแตกหรือขาดออก ทำให้น้ำมันเบรครั่ว และรถเบรคไม่อยู่
ทางที่ดี เมื่อคุณจะตรวจเปลี่ยนอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับระบบเบรคทุกครั้ง อย่าลืมตรวจสภาพ “ท่ออ่อนเบรค” ทุกครั้งนะครับ!