เราทำกันบ่อย ..เราทำประจำ คุณรู้หรือไม่ เบรครถยนต์มีอะไรมากกว่าแค่เหยียบให้หยุด วันนี้เรานำ 9 เรื่องที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาบอกเล่าเก้าสิบกัน
คุณว่า …การขับรถยนต์เขาเราๆท่านๆ อะไรเป็นสิ่งสำคัญ …หลายคนอาจจะมองเรื่องของเครื่องยนต์ สมรรถนะ และช่วงล่าง แต่เชื่อไมว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งหลายคนอาจจะลืมไปในยามขับรถก็คือ “การเบรก” และ 9 เรื่องที่เรานำมาฝากวันนี่ คุณ อาจจะไม่เคยรู้เกี่ยวกับมันมาก่อน
1. เบรคทางตรงดีที่สุด หลายคนคิดว่าการเบรคทำเมื่อไรก็ได้ ยิ่งทุกวันนี้ระบบเบรกถูกพัฒนาให้ตอบสนองได้มากขึ้น คุณสามารถหลบสิ่งกีดขวางเลี่ยงสถานการณ์เป็นตายได้ แต่หลายคนมักไม่ทราบว่าการเบรครถที่ดีได้ประสิทธิผลมากที่สุด …คือการเบรคทางตรงหรือฝรั่งเรียกว่า Straight Line Braking คือพยายามทำให้รถหยุดเมื่อพวงมาลัยตั้งตรง และเป็นเทคนิคที่นักแข่งรถในสนามมักจะใช้กันถ้าคุณพอจะสังเกตได้
2.ยางมีผลต่อระยะเบรคเสมอ จำไว้ว่าระบบเบรคเป็นการห้ามล้อ แต่ล้อจะหยุดจริงก็ต้องการแรงเสียดทานที่มากเอาการเพื่อปราบเหล่าแรงม้าที่คุณปล่อยออกจากปลายเท้าที่แตะคันเร่งของคุณ ซึ่งสิ่งที่ช่วยให้แรงเสียดทานมากในยามที่คุณเบรกก็คือยาง ซึ่งยิ่งยางมีดอกยางเยอะ และหน้าสัมผัสกว้าง โอกาสที่คุณจะหยุดรถได้เต็มประสิทธิภาพ ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย เรื่องเดียวกันไม่น่าแปลกใจที่คุณจะรู้สึกว่าเมือเปลี่ยนล้อแม็กมา รถหยุดดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าแต่งหล่อแค่ล้อและยาง ..
3.ระบบเบรค ABS มีมาตั้งแต่ยุคเรือไทเทนิค เชื่อหรือว่าว่า ระบบเบรคที่เราคุณเคยอย่าง ABS หรือ Anti Lock Brake System ที่เราคุ้นเคยมากในทุกวันนี้มันใช้เวลากว่า 50 ปี ก่อนที่จะเริ่มลงตลาดรถยนต์ และกว่าจะแพร่หลายจริงๆ ก็ราวๆ 80 ปี จากที่คิดค้นครั้งแรกในปี 1920 ซึ่งมันถูกนำมาใช้กับอากาศยาน ก่อนที่ในปี 1970 ค่ายรถยนต์ในยุโรปบางเจ้าจะเริ่มแนะนำในรถยนต์ที่วางจำหน่ายจริงในตลาดยุโรป
4.เบรครถไฮบริดดีกว่าทั่วไป … หลายคนไม่เชื่อว่ารถยนต์ไฮบริดจะมีแรงเบรกที่ดีกว่าในการขับขี่ แต่นี่คือเรื่องจริงเมื่อมากกว่าแค่ไดนาโมที่ล้อชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอร์รี่ เพราะไดนาโมหรือมอเตอร์ฟ้าที่ใช้ในการชาร์จไฟนั้นจะมีแรงต้านของมันเองอยู่แล้ว ทำให้ในน้ำหนักเบรกที่เท่ากัน ระบบเบรคของรถไฮบริดจะทำงานได้ดีกว่าอย่างชัดเจน …มากพอที่จะรู้สึกได้
5.ดิสก์เบรคมีความร้อนสูงจนจุดบุหรี่ได้ … หลายคนไม่เคยศึกษาเรื่องเบรกอย่างจริงจัง พวกเขารู้แค่เพียงว่าเบรกมีดีแค่หยุดรถ และเรารู้เพียงประเภทของเบรก รู้ว่ามันแค่ดีกว่า แต่ในแง่การใช้งานจริงแล้วดิสก์เบรกเป็นระบบเบรกที่มีความร้อนสูงมากมันสามารถมีอุณหภูมิในระหว่างการใช้งานตั้งแต่ 350 องศาเซลเซียสไปจนถึง 750 องศาเซลเซียส มากพอที่คุณจะสามรถไม่ต้องพกไฟแช็คจุดบุหรี่ ถ้าขับรถซิ่งมากๆ
6.คนเรามักยืมเรื่องระยะทางเบรค มีบางคนประเภทหนึ่งชอบขับรถบี้ตูดชาวบ้าน พอชนท้ายเข้าก็โอดครวญเรื่องดวงไม่ดี ทั้งที่คุณขับรถไม่เป็น… การขับรถจี้ตูดนั้นเป็นพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่ออุบัติเหตุในระหว่างการขับขี่ของคุณเอง โดยเมื่อรถคันหน้าเบรก คุณจะต้องใช้เวลาในการทำให้เบรกคุณทำงาน ซึ่งก่อนอื่นต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า ประสาทสัมผัสของคนเราไม่เท่ากัน ไม่งั้นทุกคนคงเป็นไมเคิล ชูมาร์กเกอร์ กันหมดแล้ว ซึ่งหากคุณไม่ได้มีเหตุอะไรที่ต้องรีบมากมาย ทิ้งระยะห่างจากคันหน้าบ้างสักครึ่งคันรถก็ยังดี …ช่วยเลี่ยงกรณีชนท้ายรถคันหน้าได้มาก
7.ดรัมเบรคมีประสิทธิภาพหยุดดีกว่าดิสก์เบรคจริงหรือ ทุกวันนี้สิ่งที่เริ่มจางหายไปในสังคมคงเป็นระบบดรัมเบรก จะยังมีให้เห็นก็แต่ในรถยนต์นั่งขนาดเล็กหรือรถกระบะและส่วนใหญ่จะประจำการที่เบรคหลัง ..ระบบดรัมเบรคเป็นรถแบบที่ใช้กันมายาวนานตั้งแต่อดีตราวๆปี 1902 เมื่อค่ายรถยนต์ Renault แนะนำออกสู่ตลาด ถ้าเทียบกับดิสก์แล้ว การกางผ้าเบรกออกพร้อมกันแล้วเพิ่มแรงเสียดทานทางด้านข้าง คล้ายกางแขนดันดุมล้อทั้งสองข้างพร้อมกัน ให้ประสิทธิผลที่ดีกว่าในการทำงาน แต่การที่มันอยู่ในฝักก็ทำให้มีความร้อนสูงมากเช่นกัน เมื่อเทียบกับดิสก์เบรค
8.เบรคมีเสียงคือเบรคหมด หรือใกล้หมด .. หลายคนมักจะมีคำถามว่าเราจะทราบได้อย่างไรว่าเบรครถยนต์เราหมด หรือใกล้หมด ที่จริงแล้ว วิธีการนั้นง่ายมากมีสองวิธีคือ 1 .น้ำมันเบรกในกระปุกเริ่มพร่องหายโดยที่ไม่มีน้ำมันหยด สันนิษฐานได้เลยว่าคุณเตรียมเสียเงินเปลี่ยนผ้าเบรคได้แล้ว แต่ถ้าคุณเองก็ไม่มีเวลาอะไรขนาดนั้น ถ้าเมื่อไรขับรถแล้วเบรคปกติเริ่มมีเสียง ก็เมื่อนั้นแหละที่คุณต้องพบช่าง
9.รู้ไหมเมื่อก่อนจะเบรครถเขาทำอย่างไร ทุกวันนี้ที่เราขับรถเชื่อไหมว่าแม้รถคุณจะทันสมัยมูลค่ากี่สิบล้านบาท เรื่องของเบรคก็มาจากแนวคิดเดียวกันเมื่อสมัยร้อยกว่าปีที่แล้ว และมันไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
ในสมัย..ยุครถยนต์ทำออกมาแรกๆ เบรกไม่ได้เป็นเบรคเท้า แต่เป็นเบรกโดยใช้คันโยก ซึ่งเมื่อต้องการจะหยุดรถคนขับจะกระชากคันโยกนี้แล้วส่งก้อนหรือท่อนไม้ไปสร้างแรงเสียดทานกับตัวดุมล้อ ซึ่งในปัจจุบันแม้จะมีความทันสมัยมากขึ้น เราใช้น้ำมันเป็นตัวช่วยผ่อนแรงในการเบรก แต่ทว่าเทคนิคและวิธีการกลับเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย