วิธีดูแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์ กี่โวลต์จึงจะทำให้รถสตาร์ตติด แล้วแบตต่ำกว่ากี่โวลต์ถึงจะสตาร์ทไม่ติด ถือเป็นคำถามที่ผู้ใช้รถนั้นสงสัยกันเป็นอย่างมาก โดยปกติแล้วแบตเตอรี่ควรจะมีความจุตั้งแต่ 12.4 โวลต์ขึ้นไป และไม่ควรต่ำกว่า 10.5 โวลต์ส่วนจะต้องมีค่า CCA เท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของรถ เนื่องจากรถแต่ละประเภทต้องการกำลังไฟในการจุดระเบิดไม่เท่ากัน ดังนี้
- รถยนต์ขนาดเล็ก ความจุ 1,500 – 1,800 ซีซี. ต้องการ 200 CCA ในการสตาร์ต
- รถยนต์ขนาดกลาง ความจุ 2,000 – 2,500 ซีซี. ต้องการ 280 CCA ในการสตาร์ต
- รถกระบะ, รถตู้ 2,700 – 3,300 ซีซี. ต้องการ 300 CCA ในการสตาร์ต
วิธีดูแบตเตอรี่ ควรเลือกกี่แอมป์?
การเลือกแบตเตอรี่แบบเลือกตามแอมป์ มีหลักการเลือกง่าย ๆ ดังนี้
- เครื่องยนต์ขนาด 1,200 – 1,900 ซีซี. ควรเลือกใช้ ขนาด 45 แอมป์ – 60 แอมป์
- เครื่องยนต์ขนาด 2,000 – 3,000 ซีซี. ควรเลือกใช้ ขนาด 60 แอมป์ – 75 แอมป์
วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์
แบตเตอรี่รถยนต์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของรถยนต์ ก่อนออกเดินทางไกลควรเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสียก่อน เพื่อป้องกันปัญหารถสตาร์ทไม่ติดหรืออาการกวนใจอื่นๆ ระหว่างทาง การเช็กแบตเตอรี่รถยนต์ สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
- เช็กแบตเตอรี่ว่ามีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่แล้ว สำหรับแบตเตอรี่ที่มีอายุไม่ถึง 1 ปี มีโอกาสที่จะเสื่อมสภาพน้อยมาก ส่วนแบตเตอรี่ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี ควรได้รับการเช็กสภาพอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจเช็กระดับน้ำกลั่น ตามประเภทของแบตเตอรี่ โดยแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่นควรเช็กทุกๆ 1 เดือน แบบกึ่งแห้งควรเช็กทุกๆ 6-12 เดือน
- เช็กสภาพแบตเตอรี่เบื้องต้นผ่านช่องตาแมวแบตเตอรี่ โดยสังเกตสีที่แตกต่างกันของช่องตาแมว แบตเตอรี่แต่ละลูกจะมีสีที่บอกสถานะแบตที่ต่างกัน สามารถศึกษาคำอธิบายได้จากสติ๊กเกอร์บนตัวแบตเตอรี่
เปลี่ยนแบตรถยนต์ เมื่อมีอาการแบบไหน?
- รถสตาร์ทยากกว่าปกติ
- ไฟหน้ารถไม่สว่างเท่าที่ควร
- ระบบไฟฟ้าเริ่มผิดปกติ
- สีตาแมวเปลี่ยนไป
- ความผิดปกติบนตัวแบตเตอรี่
- ไดชาร์จผลิตกระแสไฟไม่เพียงพอ
- ไม่ได้เปลี่ยนรถยนต์นานเกิน 2-3 ปี
อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์?
โดยปกติแล้ว แบตเตอรี่รถยนต์ก็เหมือนกับแบตเตอรี่ประเภทอื่นๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการชาร์จไฟ โดยประสิทธิภาพการใช้งานก็จะลดลงทุกครั้งหลังจากการชาร์จ ดังนั้น ระยะเวลาที่ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ใช้งานได้กี่ปี จึงขึ้นอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่ที่ใช้และการดูแลอย่างเหมาะสมเป็นหลัก
แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งที่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องอาจมีอายุการใช้งานได้นานถึง 5 ปี แต่ถ้าอ้างอิงตามการใช้งานโดยปกติแล้ว อายุของแบตเตอรี่จะอยู่ที่ประมาณ 2 ปีโดยเฉลี่ย
แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ดูยังไง สังเกตสัญญาณต่อไปนี้! อาการที่บ่งบอกได้ทันทีเลยว่า ถึงเวลาแล้วที่รถต้องการการ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ แล้ว ถึงแม้ว่าจะยังใช้งานได้ไม่ถึงปีครึ่งก็ตาม เพราะอาการต่อไปนี้คือ สัญญาณบ่งบอกว่า แบตเตอรี่รถยนต์อ่อน และเริ่มเสื่อมสภาพ และถ้าหากไม่ยอม เปลี่ยนแบตรถ ในเร็วๆ นี้ก็อาจจะต้องประสบปัญหารถสตาร์ทไม่ติด หรือดับกลางคัน ทำให้ต้องเสียทั้งเวลาและอาจจะเสียค่าใช้จ่ายที่มากกว่า ราคาแบตเตอรี่รถยนต์ โดยไม่จำเป็นอีกด้วย
สำหรับเรื่องของแบตเตอรี่ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด หากเรามีการเซอร์วิสรถอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแบตรถยนต์ ระบบไฟฟ้า เช็คช่วงล่างรถยนต์ รวมถึงส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องเช็คตามระยะ การดูแลง่าย ๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยให้รถยนต์คู่ใจนั้นพร้อมเดินทางไปกับคุณทุกที่ได้ตามใจต้องการแน่นอน